ท่่านมาเรายินดีต้อนรับ ท่านกลับเราคิดถึง

Music So Hot!...>-<

Chat....La La La

August 20, 2009

ศาลหลักเมืองจังหวัดอุบลราชธานี

ศาลหลักเมืองจังหวัดอุบลราชธานี

าลหลักเมือง ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของทุ่งศรีเมือง เป็นสถานที่สักการะของชาวเมืองและผู้มาเยี่ยมเยือน สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2515

ในสมัยพลตำรวจตรีวิเชียร ศรีมันตร อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลฯ ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2515 โดยสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ พระวัดศรีมหาธาตุ บางเขน กรุงเทพฯเป็นประธานในพิธี

กรมศิลปากรได้ออกแบบเสาลักเมืองเป็นยอดบัวตูม โดยใช้ไม้ราชพฤกษ์ ในวันที่ 16 มกราคม 2519 นายเดชชาติ วงศ์โกมลเชษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลฯ คนต่อมา ได้กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระบรมโอ รสาธิราชสยามมกุฏราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเปิดศาลหลักเมืองอุบลราชธานีต่อจากนั้นมาทุกวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 7 ของ ทุกปี (ซึ่งตามประเพณีฮีต 12 ถือว่า เดือน 7 เป็นเดือนทำบุญซำฮะหรือบุญบูชาบรรพบุรุษ) เทศบาลเมืองนครอุบลราชธานีร่วมกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ได้ร่วมกันเซ่นสรวงสักการะหลักเมืองเป็น ประเพณีสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน มีคนทรงของมเหสักข์หลักเมืองจังหวัดต่าง ๆ มาร่วมพิธีมากมาย (สุวิชช คูณผล."ศาลหลักเมืองจังหวัดอุบลราชธานี" ใน เล่าเรื่องเมืองอุบล.

ภายหลังศาลหลักเมืองได้มีการบูรณะใหม่เป็นสถาปัตยกรรมรูปแบบจตุมุกข์ของภาคกลาง เหมือนกับศาลหลักเมืองทั่วไป สำหรับเครื่องที่ชาวบ้านนิยมนำมาไหว้คือ ดอกไม้ (ดอกกล้วยไม้ ดอกดาวเรือง) ธูปเทียน พวงมาลัย แผ่นทอง ผ้า 3 สี 5 สี 7 สี (ข้อมูลจากสำนักงานวัฒนธรรม จ.อุบลราชธานี)

ประเพณีโบราณเกี่ยวกับการสร้างบ้านเมือง จะต้องทำพิธีอย่างหนึ่งเพื่อให้เป็นศิริมงคลแก่บ้านเมืองที่สร้างขึ้นสิ่งนั้นคือ การยกเสาหลักเมืองขึ้นในท่อันเป็นชัยภูมิสำคัญให้เป็นมิ่งขวัญแก่พสกนิกร สำหรับยึดถือเป็นหลักชัยทางจิตใจว่า บ้าน


เมืองที่สร้างขึ้นนั้นมีรากฐานฝังไว้อย่างแน่นอนแล้ว การสร้างบ้านเมืองสมัยโบราณยังเป็นที่อาศัยแห่งขวัญและจิตใจของประชาชนรวมอยุ่ด้วย เพราะประชาชนเป็นส่วนของบ้านเมืองถ้าเป็นประชาชนมีจิตใจมั่นคงเชื่อในหลักบ้านหลักเมืองท่ได้

สร้างขึ้น ก็เป็นการผดุงกำลังใจให้มั่นคงแน่วแน่ในการดำรงชีพ มีความเชื่อมั่นว่าหลักเมืองได้ตั้งแล้วโดยอนุภาพของหลักเมืองจะเป็นหลักชัยให้ประชาชนผู้รวมกันอยู่ในบ้านเมืองนั้นอยู่เย็นเป็นสุขรุ่งเรืองสถาพรตลอดกัลปาวสาน

August 9, 2009

ท่องรู้เมืองอุบลจ้า...


อุบลราชธานี เป็นเมืองใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำมูล ที่มีประวัติความเป็นมากว่า 200 ปี เล่
ากันว่า ท้าวคำผง ท้าวทิศพรหม และท้าวคำบุตร พระวอ พระตา หนีภัยสงครามจากพระเจ้าสิริบุญสาร เจ้าแห่งนคร เวียงจันทน์เจ้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระเจ้าตากสินมหาราชและต่อมาได้สร้างเมืองขึ้นที่บริเวณดงอู่ผึ้ง ใกล้กับแม่น้ำมูล ครั้นพ.ศ. 2323 พระเจ้าตากสินมหาราชได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระยาราชสุภาวดี เชิญตราพระราชสีห์มาพระราชทานนามเมืองว่า “อุบลราชธานี” ทรงให้ท้าว
คำผงเป็นเจ้าเมืองคนแรกซึ่งต่อมาได้พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “พระปทุมวงศา” เมืองอุบลราชธานีมีเจ้าเมืองสืบกันมาถึง 4 คน ตราบจนถึงปีพ.ศ. 2425 จึงได้มีการแต่งตั้งข้าหลวงและผู้ว่าราชการจังหวัดมาปกครองดูแลจนถึงทุกวันนี้

อุบลราชธานีตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เป็นระยะทาง 629 กิโลเมตร สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบสูงและภูเขา มีแม่น้ำมูลไหลผ่านตอนกลางของพื้นที่และมีหน้าผานทรายบริเวณชายฝั่งแม่น้ำโขงอันเป็นเส้นกั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยและลาวจังหวัดอุบลราชธานี มีพื้นที่ประมาณ 15,744 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 20 อำเภอ และ 5 กิ่งอำเภอ ได้แก่


อำเภอเมืองอุบลราชธานี วารินชำราบ เดชอุดม บุณฑริก นาจะหลวย น้ำยืน พิบูลมังสาหาร โขงเจียม ศรีเมืองใหม่ ตระการพืชผล เขมราฐ ม่วงสามสิบ เขื่องใน กุดข้าวปุ้น ตาลสุม โพธิ์ไทร สำโรง สิรินธร ดอนมดแดง ทุ่งศรีอุดม กิ่งอำเภอนาเยีย กิ่งอำเภอนาตาล กิ่งอำเภอเหล่าเสือโก้ก กิ่งอำเภอสว่างวีระวงศ์ และกิ่งอำเภอน้ำขุ่น